วัดไผ่เหลือง(สัจจธรรมมาราม) เป็นวัดราษฎร์( มหานิกาย ) ตั้งอยู่เลขที่ ๒๒/๒ ม.๕ (ซอยกันตนา) ตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี
ประวัติการก่อตั้งวัด (เดิมชื่อ วัดไผ่เหลือง(ร้าง)จากทะเบียนวัดร้างของกรมการศาสนา รกร้างมานานกว่า ๒๐๐ ปี ไม่มีสิ่งก่อสร้างหลงเหลือมีเพียงกองอิฐศิลาแลงขนานใหญ่ ที่เป็นเครื่องหมายให้รู้ว่าเคยเป็นวัด และมีชาวบ้านเช่าทำนาอยู่แต่ก็ได้หยุดทำนา มานานจนเป็นพื้นที่รกร้างเต็มไปด้วยหญ้าคา
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๐ พระปลัดอดุลย์ (สิงห์) ฐิตสจฺโจ (สังกัดวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี) พร้อมด้วย ศิษยานุศิษย์และญาติโยมแห่งตำบลบางม่วง พายเรือมาพบวัดนี้เข้า จึงได้หารือกันเพื่อรื้อฟื้นวัดแห่งนี้ให้กลับมาเป็นวัดดังเดิม โดยขอตั้งวัดใหม่เมื่อ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๙
เริ่มแรกได้ทำคันดินล้อมรอบวัด เนื่องจากบริเวณนี้เป็นที่ลุ่มการสร้างคันดินและได้ขุดสระขนานใหญ่ไว้กลางพื้นที่เพื่อให้วัดมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ .๒๕๔๕
![]() |
พระอุโบสถ |
ด้านถาวรวัตถุ
มีศาสนวัตถุและสิ่งก่อสร้างต่างๆที่เสร็จเรียบร้อยแล้วได้แก่
๑.ศาลาเอนกประสงค์
๒.กุฏิพระภิกษุสงฆ์ – สามเณร
๓.กุฏิอุบาสก – อุบาสิกา
๔.วิหารเจดีย์
๕.พระอุโบสถ
๖.ศาลาปฏิบัติธรรม
๗.ศาลาเทพกาญจนา
ด้านการศึกษาและปฏิบัติธรรม
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีพระภิกษุ – สามเณรจำพรรษา มีส่งเสริมให้พระภิกษุ – สามเณรได้รับการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกนักธรรมและบาลี โดยส่งเข้าสอบตลอดทุกปี อีกทั้งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามสถานศึกษาที่ได้นิมนต์ ร่วมทั้งจัดการปฏิบัติธรรม รักษาศิล ๘ บำเพ็ญจิตภาวนา ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนา ตลอดทั้งปี

อดีตสมภาร วัดไผ่เหลือง สังขารไม่เน่า
ฮือฮาวัดไผ่เหลืองเปิดโลงพิสูจน์สังขารหลวงพ่อสิงห์อดีตเจ้าอาวาส พบไม่เน่าเปื่อย ทั้งที่มรณภาพมากว่าปี หนำซ้ำร่างยังอ่อนเหมือนคนทั่วไป ทั้งที่สั่งเสียก่อนละสังขารห้ามฉีดฟอร์มาลิน โดยมีหมอ-เภสัชกรร่วมพิสูจน์ เจ้าอาวาสวัดรูปปัจจุบันเชื่อที่ร่างยังสมบูรณ์เพราะการปฏิบัติธรรม ย้ำไม่ใช่ต้องการแสดงปาฏิหาริย์ แต่เป็นการพิสูจน์ว่าสิ่งต่างๆในพระไตรปิฎกมีจริง พร้อมบรรจุสรีระอดีตเจ้าอาวาสในโลงแก้ว เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมากราบสักการะ
![]() |
เรื่องน่าอัศจรรย์ที่เกิดกับสังขารของพระนักปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่วัดไผ่เหลือง ตำบลบางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งมีพิธีย้ายสรีรสังขารพระครูภาวนาวรานุศาสก์ หรือหลวงพ่อสิงห์ อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่เหลือง ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกศิษย์ได้นำสรีรสังขารใส่ไว้ในโลงเป็นเวลากว่า 1 ปี จากนั้นได้นำสรีระย้ายมาใส่โลงแก้วเปิดให้ประชาชนเข้ามากราบสักการะที่ศาลาเทพกาญจนา โดยมีเหล่าพระชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดนนทบุรีและใกล้เคียง รวมทั้งศิษยานุศิษย์ร่วมพิธีจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงนายสันติ ภิรมย์ภักดี ผู้บริหารระดับสูง บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด เข้าร่วมพิธีด้วย
ด้านพระครูใบฎีกาสิทธิโชค อภินันโท เจ้าอาวาสวัดไผ่เหลือง กล่าวว่า หลวงพ่อสิงห์เกิดที่เมืองอองชุนนิ ประเทศเกาหลีใต้ โดยโยมพ่อเป็นทหารไทยที่ไปรบในสงครามเกาหลี มีมารดาเป็นชาวเกาหลี ต่อมาโยมพ่อได้นำกลับมาอยู่เมืองไทย วัยเด็กของหลวงพ่อได้ฝึกเจริญสมาธิและวิปัสสนากับพระราชธรรมาภรณ์ หรือหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม จนเมื่อปี 2530 จึงได้อุปสมบทที่วัดเฉลิมพระเกียรติ จ.นนทบุรี จากนั้นได้จำพรรษาที่วัดไผ่เหลือง ซึ่งขณะนั้นเป็นวัดร้าง และได้สร้างเสนาสนะขึ้นภายในวัด โดยเน้นแบบประหยัดเรียบง่ายและสวยงาม ในปี 2532 หลวงพ่อสิงห์ได้เข้านิโรธสมาบัติหรืออดข้าวอดน้ำอยู่ 3 เดือน หลังจากนั้นท่านได้สั่งสอนลูกศิษย์โดยเน้นเรื่องการปฏิบัติธรรมเป็นหลัก และที่สำคัญท่านจะเน้นในเรื่องกตัญญูต่อผู้มีพระคุณและขยันซื่อสัตย์
เจ้าอาวาสวัดไผ่เหลืองกล่าวว่า หลวงพ่อสิงห์ละสังขารเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2553 สิริอายุ 59 ปี 11 เดือน 32 วัน ด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ก่อนที่จะละสังขาร 3 ปี ท่านได้สั่งไว้ว่า อย่าฉีดฟอร์มาลินกับสังขารท่าน เพราะท่านต้องการให้ลูกศิษย์เข้ามากราบไหว้ ที่สำคัญต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งต่างๆในพระไตรปิฎกคำสอนของพระพุทธเจ้ามีจริง ไม่ประสงค์ที่จะแสดงปาฏิหาริย์แต่อย่างใด จากนั้นลูกศิษย์ได้นำร่างท่านใส่ไว้ในโลงไม้ธรรมดาเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน และได้เปิดโลงออกมาเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมาโดยมี นพ.ประวิช ชวชลาศัย นายแพทย์ชำนาญพิเศษ และ ภก.ไพรัช คชาธาร ข้าราชการบำนาญ เป็นผู้ตรวจสอบสังขาร พอเปิดโลงออกมาปรากฏบริเวณใบหน้าหลวงพ่อสิงห์มีราสีขาวเกาะเต็มใบหน้า โดยที่ร่างกายส่วนอื่นๆไม่เน่าเปื่อย เนื้อหนังเหมือนกับคนปกติ อีกทั้งร่างกายไม่แข็งเหมือนศพคนทั่วไป เวลาอุ้มออกจากโลงมาทำความสะอาดตัวท่านก็อ่อนเหมือนคนธรรมดา ก่อนที่จะนำมาใส่โลงแก้ว เหตุที่สภาพสังขารยังสมบูรณ์อยู่นั้นเป็นเพราะการปฏิบัติธรรมของท่านที่มักจะเน้นเรื่องสังขารคนเราไม่แน่นอนและอย่าประมาท โดยท่านจะนำทางเมตตาเป็นหลัก ซึ่งที่วัดมีโครงการปลูกข้าวเพื่อนำมาเลี้ยงสุนัข เพราะที่วัดมีสุนัขที่คนมาปล่อยไว้ 180 ตัว ซึ่งที่ดินเป็นของชาวบ้านที่ปล่อยรกร้างจำนวน 48 ไร่ วัดขอนำมาใช้เป็นประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่เปิดโลงออกมาเพื่อโปรโมตวัดหรือไม่ พระครูใบฎีกาสิทธิโชคกล่าวว่า ครูบาอาจารย์เคยสั่งไว้ว่าเปิดออกมาเพื่อให้ดูแล้วพิจารณาว่า สิ่งพวกนี้มันไม่เที่ยง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ไม่แน่นอน เพื่อพิสูจน์ว่าหลักธรรมวัตรปฏิบัติที่หลวงพ่อสิงห์ทำมานั้นเป็นเรื่องจริง โดยเอาสังขารท่านเป็นเครื่องพิสูจน์ ไม่เน้นเรื่องเงินทองหรือขายวัตถุมงคลแต่อย่างใด
ด้าน นพ.ประวิช ชวชลาศัย กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับสังขารของท่านนั้นในเรื่องวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ แต่เรื่องศาสนาเป็นที่น่าเชื่อว่าบุญบารมีของท่านที่ได้ปฏิบัติธรรมมากกว่า เปิดโลงออกมาครั้งแรกเห็นเป็นราสีขาวปกคลุมร่างท่านบางส่วน ที่จากความชื้น ปกติแล้วศพคนหากไม่ได้ฉีดยากันเน่าจะอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือนก็จะเน่าแม้จะเปิดแอร์ให้ก็ตาม เพราะความเย็นไม่เพียงพอเหมือนกับฟรีซไว้ในตู้เย็น ส่วนเนื้อตัวที่ได้จับทำความสะอาดก็ยังนิ่มอยู่ เส้นเอ็นต่างๆก็ไม่ได้แข็งหรือยึด ด้านหนังจะไม่มีการเปื่อยหรือราจับแต่อย่างใด ถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก
คิดถึงหลวงพ่อ... คิกดถึงท่านชัย
ตอบลบ