ข่าวประชาสัมพันธ์


                                  

พระทำนาในวัด-ปลูกข้าวเลี้ยง"หมา-แมว"
           เจ้าอาวาสวัดไผ่เหลืองเมืองนนท์ ทำนาปลูกข้าวกว่า 40 ไร่ เลี้ยงดูสุนัขและแมวจรจัดกว่า 200 ตัว ที่มีคนนำมาปล่อยวัด เผยสู้ค่าอาหารค่ายาเดือนละครึ่งแสนไม่ไหว เลยทำนาปลูกข้าวเอามาเลี้ยงสัตว์ ใช้ที่ดินรอบวัดที่คนใจบุญให้ใช้ประ โยชน์ทำนาแบบครบวงจร หมา-แมวในวัดกินอยู่อย่างดี สร้างกรงติดมุ้งลวด พัดลม จ้างคนงานทำความสะอาดทุกวัน เจ้าคณะอำเภอชี้ พระทำนาไม่ผิดวินัยสงฆ์ 
เพราะสัตว์ก็มีชีวิตเหมือนกัน 


            เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดไผ่เหลือง ต.บางม่วง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังมีชาวบ้านให้ข้อมูลว่า พระ ครูสมุห์สิทธิโชค อภินันโท เจ้าอาวาสวัดไผ่เหลือง ทำนาปลูกข้าวกว่า 40 ไร่ เลี้ยงสุนัขและแมวที่อยู่ในวัดหลายร้อยตัว เป็นที่ฮือฮาในความใจบุญของทางวัด ที่มีต่อสุนัขและแมวจรจัดเหล่านี้เมื่อไปถึงพบบริเวณหน้าวัดเป็นทุ่งนา กว้าง ภายในวัดมีสุนัขและแมวอาศัยอยู่จำนวนมาก เดินไปมาทั่ววัด ที่ด้านหน้ากุฏิพบว่าทางวัดสร้างกรงให้สุนัขและแมวอย่างดี ก่ออิฐบล็อกกั้นเป็นห้อง 5-6 ห้อง แยกออกเป็น 4 โซน คือโซนด้านหน้าวัด ด้านข้าง และด้านหลัง ทุกห้องติดมุ้งลวดและพัดลมระบายอากาศเพื่อความสะอาด ทำให้ไม่มีกลิ่นเหม็น    
  

             พระครูสมุห์สิทธิโชค เปิดเผยว่า สุนัขและแมวที่อยู่ในวัด มีมาตั้งแต่สมัยพระคุณเจ้าพระภาวนาวรานุศาสตร์ (สิงห์) เจ้าอาวาสรูปก่อน เพราะท่านเป็นคนรักสัตว์ ซึ่งในช่วงนั้นอาตมาเป็นพระเลขาฯท่าน จนกระทั้ง ท่านพระอาจารย์มรณภาพ อาตมาจึงได้สานต่อเจตนารมณ์ของท่าน เพราะเป็นคนรักสัตว์ เมตตาสัตว์อยู่แล้ว สำหรับการปลูกข้าวเลี้ยงสุนัข ได้แนวคิดมาจากเจ้าอาวาสองค์ก่อน เพราะท่านทำมาตลอด เนื่องจากสุนัขและแมวในวัดน่าสงสาร มีคนนำมาปล่อยหลายร้อยตัว ทำให้ทางวัดต้องแบกรับภาระเลี้ยงสุนัขและแมวเหล่านี้กว่า 200 ตัว แยกเป็นสุนัขร้อยกว่าตัว แมวอีกกว่า 20 ตัว ค่าอาหารในแต่ละเดือน ทั้งอาหารเม็ด อาหารคาว ใช้เงินเดือนละกว่า 5 หมื่นบาท ไม่รวมค่ารักษาพยาบาลยามสัตว์เจ็บป่วยและค่าฉีดยาป้องกันโรคต่างๆ พระครูสมุห์สิทธิโชค กล่าวต่อว่า ส่วนที่ดินที่ใช้ปลูกข้าวเลี้ยงสุนัขและแมวนั้น มีผู้ใจบุญให้ใช้พื้นที่ว่างที่ติดกับวัดจำนวน 43 ไร่ ให้ทางวัดได้ปลูกข้าวไว้เลี้ยงสัตว์เหล่านี้ โดยผลผลิตส่วนหนึ่งจะเก็บไว้เลี้ยงสุนัข ส่วนที่เหลือนำไปจำหน่ายให้กับโรงสีข้าว กำไรที่ได้ก็จะนำมาเป็นค่าอาหารเม็ดและค่ารักษาพยาบาลสุนัขและแมวที่ป่วย ซึ่งการทำนานั้นทางวัดอาศัยแรงจากชาวบ้านที่ใจบุญและอาสาสมัคร รวมทั้งพระเณรและลูกศิษย์ช่วยกัน เมื่อชาวบ้านเห็นก็สงสารมาลงแขกช่วยตลอด สำหรับข้าวที่ปลูกเราเน้นเรื่องปลอดสารพิษ ใช้ปุ๋ยขี้ไก่ และขี้วัวแห้ง ผสมกับน้ำหมักอีเอ็มที่ทางวัดทำเอง หากมีแมลงมารบกวนก็พยายามหลีกเหลี่ยงการใช้สารเคมี


          "ความเป็นอยู่ของสุนัขและแมวในวัด เราเลี้ยงดูอย่างดี เพราะถือว่าสัตว์ก็มีชีวิต เหมือนกัน ทำกรงเป็นห้องๆ อยู่กันอย่างไม่แออัด ใช้งบประมาณก่อสร้างหลังละกว่า 1 แสนบาท กั้นห้องอย่างดี มีคนงานประจำทำความสะอาดวันละ 2 คน ให้อาหารวันละ 2 มื้อ เช้า-เย็น อาบน้ำอาทิตย์ละครั้ง และมีการฉีดยาป้องกันโรคตลอด ทางวัดเลี้ยงแบบปล่อยในตอนเช้า และจะให้เข้ากรงในตอนเย็น สุนัขที่มีคนนำมาปล่อยมีเกือบทุกพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ พิตบูลเทอร์เรีย ฮัสกี้ไซบีเรีย พุดเดิ้ล และสุนัขพันธุ์ไทย" พระครูสมุห์สิทธิโชค กล่าว และว่า อาตมาได้รับการสั่งสอนมาจากพระอาจารย์สิงห์เสมอว่า "ยิ่งให้ยิ่งมา ยิ่งเมตตายิ่งรวย" เพราะสัตว์นั้นเลือกเกิดไม่ได้ เมื่อมาอยู่กับเราแล้วต้องดูแลเป็นอย่างดี หากเขาจับเราไปขัง เราก็ไม่ชอบ เช่นเดียวกับสุนัขและแมว ก็ต้องการชีวิตอิสระเหมือนกัน





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น